คำอธิบาย

อัลฟ่าเรือธง
Sony a1 เป็น เรือธงในความหมายที่แท้จริงเป็นกล้องตัวเดียวที่ออกแบบมาเพื่อทำทุกอย่าง สร้างขึ้นโดยไม่มีการประนีประนอม ฟูลเฟรมมิเรอร์เลสนี้มีความละเอียดสูงสำหรับการถ่ายภาพนิ่ง การบันทึกวิดีโอ 8K ที่น่าประทับใจ ความเร็วและความไว และการเชื่อมต่อสำหรับเวิร์กโฟลว์ระดับมืออาชีพที่ต้องการมากที่สุด

Exmor RS Stacked Sensor และโปรเซสเซอร์ BIONZ XR

เซ็นเซอร์ BSI CMOS ฟูลเฟรม 50.1MP และ BIONZ XR
เซ็นเซอร์ฟูลเฟรม Exmor RS ความละเอียด 50.1MP ที่พัฒนาขึ้นใหม่มีการออกแบบที่รับแสงด้านหลังแบบซ้อนกันพร้อมหน่วยความจำในตัวที่รักษาความชัดเจนของภาพสูง ความไวแสงที่ขยายได้สูงสุด ISO 102400 และช่วงไดนามิก 15 สต็อป ในขณะที่ยังเปิดใช้งานการถ่ายภาพที่รวดเร็ว 30 fps และและเฟส – การตรวจจับ AF เซ็นเซอร์ยังช่วยให้สามารถบันทึกไฟล์ดิบที่บีบอัดแบบไม่สูญเสียข้อมูลเพื่อการแก้ไขที่ยืดหยุ่นระหว่างขั้นตอนหลังการถ่ายทำ ขณะที่ยังคงรักษาขนาดไฟล์ที่ค่อนข้างเบา นอกจากนี้ ความละเอียด 50.1MP ไม่เพียงให้ประโยชน์ต่อช่างภาพนิ่งเท่านั้น แต่ยังมอบการสุ่มตัวอย่างเกินขนาดฟูลเฟรม 8.6K สำหรับการบันทึกวิดีโอ 8K

กลไก BIONZ XR ที่ปรับปรุงใหม่ให้ประโยชน์อย่างมากต่อความสามารถในการประมวลผลภาพทั่วทั้งระบบกล้อง รวมถึงการประมวลผลที่เร็วขึ้นสูงสุด 8 เท่า ชัตเตอร์ที่ลดลงอย่างมาก และความเร็วในการจัดการอินเทอร์เฟซและการจัดการไฟล์ที่คล่องแคล่วมากขึ้น

ถ่ายภาพสูงสุด 30 fps และอัปเดตชัตเตอร์
การออกแบบและการประมวลผลเซ็นเซอร์ที่มีประสิทธิภาพทำให้สามารถถ่ายภาพความเร็วสูงถึง 30 fps ที่ความละเอียดสูงสุด 50.1MP พร้อมความสามารถ AF และ AE เต็มรูปแบบเมื่อทำงานกับชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ เมื่อทำงานกับชัตเตอร์กลไก ความเร็วจะยังคงสูงอยู่ที่ 10 fps นอกจากนี้ หน่วยความจำบัฟเฟอร์ขนาดใหญ่ยังช่วยให้สามารถบันทึกเฟรมดิบที่บีบอัดได้สูงสุด 155 เฟรม หรือ 165 JPEGs ในการถ่ายภาพต่อเนื่องครั้งเดียวที่ 30 fps
การจับคู่กับการถ่ายภาพต่อเนื่องอย่างรวดเร็วคือประสบการณ์ช่องมองภาพที่ปราศจากความมืด ซึ่งใช้อัตราการรีเฟรช 240 fps เพื่อการรับชมในระดับสายตาที่คล่องแคล่ว
ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับการปรับปรุงให้ประสิทธิภาพการทำงานที่เงียบและปราศจากการสั่นไหว และยังรองรับการถ่ายภาพแบบป้องกันการสั่นไหวสำหรับการทำงานภายใต้แสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์, LED หรือแสงเทียมประเภทอื่นๆ
เนื่องจากความเร็วในการอ่านข้อมูลเร็วขึ้น การซิงค์แฟลชชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์จึงทำได้สูงสุด 1/200 วินาที ความเร็วในการซิงค์แฟลชที่เร็วขึ้นยังมีให้ใช้งานเมื่อใช้ชัตเตอร์เชิงกลที่อัปเดตเช่นกัน ซึ่งสามารถซิงค์ที่ 1/400 วินาทีในฟูลเฟรมหรือ 1/500 วินาทีด้วยการครอบตัด APS-C
วิดีโอ 8K 30p และ 4K 120p

รองรับ 8K 30p และ 4K 120p
ด้วยการใช้เซ็นเซอร์ความละเอียดสูงและความสามารถในการประมวลผลที่รวดเร็ว การบันทึกวิดีโอ UHD 8K 30p XAVC HS 10 บิต 4:2:2 จึงทำได้โดยใช้ความกว้างเต็มของเซ็นเซอร์ ให้การสุ่มตัวอย่างเกิน 8.6K เพื่อความคมชัดและความสมจริงที่น่าประทับใจ เพื่อความสะดวกในการใช้งานโหมดการบันทึกความละเอียดสูงนี้ ไฟล์พร็อกซีอัตราบิตต่ำที่มีความละเอียด HD สามารถบันทึกพร้อมกันได้เร็วขึ้นสำหรับการเล่น นอกจากนี้ วิดีโอ 8K ที่ 400 Mb/s สามารถเขียนไปยังการ์ด SD UHS-II อันดับ V90 หรือ 200 Mb/s ไปยังการ์ด V60 และ 8K สามารถส่งออกผ่าน HDMI ในรูปแบบ 8 บิต 4:2:0 .
สามารถบันทึกได้สูงสุด UHD 4K ด้วยอัตราเฟรมสูงสุด 120p; เมื่อบันทึกได้ถึง 60p a1 ให้การอ่านแบบเต็มพิกเซล และที่ 120p จะใช้การครอบตัด 10% การบันทึกแบบ Oversampled 4K สามารถทำได้ผ่านพื้นที่จับภาพ 5.8K พร้อมครอบตัด Super 35 การสุ่มตัวอย่างภายใน 10 บิต 4:2:2 สามารถทำได้ในทุกโหมดการบันทึก และหากบันทึกภายนอกผ่านพอร์ต HDMI A ขนาดเต็ม เอาต์พุตดิบ 16 บิตก็สามารถทำได้จากการจับภาพ 4.3K เพื่อการสร้างโทนเสียงที่มากขึ้นและ ความยืดหยุ่นหลังการผลิต
ความยืดหยุ่นในการบันทึก
a1 ใช้ตัวแปลงสัญญาณคู่หนึ่งเพื่อให้เหมาะกับเวิร์กโฟลว์ที่แตกต่างกัน: XAVC HS ซึ่งใช้การเข้ารหัส HEVC/H.265 เพื่อรักษารายละเอียดเพิ่มเติมที่บิตเรตขนาดเล็ก และ XAVC SI ซึ่งเป็นตัวแปลงสัญญาณภายในเฟรมเพื่อประสิทธิภาพและคุณภาพที่สม่ำเสมอที่บิตเรตสูงสุด 600 Mb /s.
การบันทึกความเร็วสูงที่ 120 fps ยังช่วยให้สามารถบันทึกภาพยนตร์แบบสโลว์โมชั่น 4x และ 5x โดยตั้งค่าการเล่นเฟรมเรตเป็น 30p หรือ 24p หรือหากลดระดับลงเป็นความละเอียด Full HD อัตราเฟรม 240p ที่ใช้งานได้จริงก็พร้อมให้ใช้งานสำหรับการเคลื่อนไหวที่ดียิ่งขึ้น ควบคุม.
ไม่มีการจำกัดเวลาในการบันทึกทำให้สามารถบันทึกความยาวคลิปได้ไม่จำกัด และการออกแบบทางกายภาพของกล้องมีโครงสร้างการกระจายความร้อนที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อเพิ่มเวลาในการบันทึกที่นานขึ้น นานกว่า 30 นาทีสำหรับวิดีโอ 8K 30p หรือ 4K 60p หรือบันทึกที่ 10 บิต 4:2:0
การควบคุมสีขั้นสูง
สามารถใช้ S-Cinetone เพื่อมอบสีที่แตกต่างและการแสดงโทนสีผิวที่ดูสุขภาพดีซึ่งเข้ากับกล้อง FX9 และ FX6 และใช้เทคโนโลยีจากกล้อง Cinema Line ระดับมืออาชีพ เช่น VENICE โปรไฟล์สีนี้ให้โทนสีกลางที่เป็นธรรมชาติ สีที่นุ่มนวล และโดยเฉพาะอย่างยิ่งไฮไลท์ที่มีการควบคุมอย่างดี
ด้วยการควบคุมสีและแกมม่าที่ปรับแต่งได้มากมาย คุณสามารถปรับแกมมา ระดับสีดำ เข่า ระดับสี และอื่นๆ นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถใช้ S-Log2 Gamma Curve แบบเดียวกับที่พบในกล้อง Sony Cinema ระดับไฮเอนด์ที่บีบช่วงไดนามิกของสัญญาณวิดีโอให้มากขึ้นถึง 1300% เมื่อเทียบกับ REC709 แบบดั้งเดิม เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นหลังการถ่ายทำ
นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุน HLG (Hybrid Log-Gamma) พร้อมกับพื้นที่สี BT.2020 สำหรับการบันทึกภายในขอบเขตสีที่กว้าง และนอกจาก S-Log2 แล้ว S-Log3 ยังมีให้สำหรับการสร้าง 15 -stop ช่วงไดนามิกพร้อมการควบคุมการจัดระดับที่เพิ่มขึ้นในบริเวณเงาถึงโทนสีกลางของภาพ
ระบบ AF ไฮบริดที่รวดเร็ว

ระบบ Fast Hybrid AF ครอบคลุมพื้นที่ภาพ 92% ประกอบด้วยจุดตรวจจับเฟส 759 จุด พร้อมด้วยพื้นที่ตรวจจับคอนทราสต์ 425 จุด เพื่อการโฟกัสที่รวดเร็วและแม่นยำในสภาพแสงที่หลากหลาย โดยมีความไวต่ำถึง -6 EV ระบบโฟกัสนี้มีให้ใช้งานในทุกโหมดการบันทึก เพื่อประโยชน์ในการใช้งานทั้งวิดีโอและภาพนิ่ง
การอ่านเซ็นเซอร์ที่รวดเร็วและการประมวลผลที่ได้รับการปรับปรุงยังช่วยให้สามารถคำนวณ AF และ AE ได้สูงสุด 120 ค่าต่อวินาที เพื่อการติดตามที่เร็วขึ้น ตอบสนองมากขึ้น และผลลัพธ์ที่แม่นยำ

ล็อควัตถุอย่างรวดเร็วโดยใช้การติดตามตามเวลาจริงสำหรับการติดตามตาม AI บนวัตถุที่เคลื่อนไหวหรือการติดตามการสัมผัสสำหรับการเลือกวัตถุด้วยตนเอง
Eye AF แบบเรียลไทม์ ซึ่งเหมาะสำหรับทั้งคนและสัตว์ ยังรับประกันความคมชัดที่สำคัญเมื่อถ่ายภาพบุคคล
โหมด Eye AF ตามเวลาจริงโดยเฉพาะสำหรับนกให้คุณเลือกนกที่จะติดตามและกล้องจะตรวจจับตาของนกโดยอัตโนมัติและติดตามโดยไม่คำนึงว่านกกำลังบินหรืออยู่นิ่ง โหมดนี้ใช้งานได้แม้กระทั่งเมื่อนกที่กำลังบินอยู่
ช่วยปรับวิธีการทำงานของระบบการโฟกัสอย่างละเอียด ความเร็วในการเปลี่ยน AF เจ็ดขั้นตอน และการควบคุมความไวในการเลื่อนวัตถุ AF ห้าขั้นตอน ช่วยให้คุณปรับแต่งความเร็วของการเปลี่ยนโฟกัสจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง และการเลื่อนโฟกัสที่ราบรื่นเกิดขึ้นได้อย่างไร
การออกแบบตัวเครื่องและการเชื่อมต่อ

Tru-Finder EVF และจอ LCD ระบบสัมผัสแบบปรับเอียงได้
QXGA OLED Tru-Finder EVF ที่น่าประทับใจมีความละเอียดสูง 9.44m-dot และกำลังขยาย 0.9x เพื่อการรับชมในระดับสายตาที่สว่าง ชัดเจน และมีรายละเอียดเป็นพิเศษ
EVF มีการตั้งค่า High Quality ที่ 240 fps โดยเฉพาะเพื่อการเรนเดอร์ภาพเคลื่อนไหวที่ราบรื่น และการออกแบบทางกายภาพของ Finder มีจุดมองภาพยาว 25 มม. มุมมอง 41? และมีการเคลือบฟลูออรีนที่องค์ประกอบช่องมองภาพด้านนอกสุดเพื่อให้ได้รับประโยชน์ในการทำความสะอาด
หน้าจอปรับเอียงได้ 3.0″ 1.44m-dot มีประโยชน์ต่อการทำงานจากมุมสูงและมุมต่ำ LCD นี้เป็นหน้าจอสัมผัสเช่นกัน เพื่อการควบคุมการถ่ายภาพและการนำทางเมนูที่ใช้งานง่าย
โครงสร้างเมนูที่ได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานง่ายขึ้นและช่วยเสริมเวิร์กโฟลว์และการตั้งค่าต่างๆ สำหรับการบันทึกภาพยนตร์และการถ่ายภาพนิ่ง ระบบเมนูยังทำงานร่วมกับการออกแบบหน้าจอสัมผัสของ LCD ด้านหลัง

การออกแบบที่หลากหลายและทนทาน
ช่องเสียบการ์ดหน่วยความจำคู่ทั้งสองช่องยอมรับการ์ดหน่วยความจำ CFexpress Type A หรือ SD การออกแบบสล็อตคู่ช่วยให้สามารถบันทึกและจัดการไฟล์ได้อย่างยืดหยุ่น และสามารถกำหนดค่าเป็นประเภทไฟล์พาร์ติชันหรือสามารถใช้สำหรับการบันทึกแบบโอเวอร์โฟลว์ได้ นอกจากนี้ ช่องเสียบการ์ดทั้งสองช่องยังรองรับการ์ดหน่วยความจำ UHS-II เพื่อความเร็วในการถ่ายโอนที่เร็วขึ้น
ยอมรับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบรีชาร์จความจุสูง NP-FZ100 ซึ่งให้การบันทึกประมาณ 430 ภาพ/90 นาทีต่อการชาร์จหนึ่งครั้งเมื่อใช้ช่องมองภาพ หรือ 530 ภาพ/การบันทึก 95 นาทีต่อการชาร์จหนึ่งครั้งเมื่อใช้จอ LCD ด้านหลัง
ระบบป้องกันภาพสั่นไหว SteadyShot INSIDE แบบ 5 แกนที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 5.5 สต็อป ชดเชยการสั่นไหวของกล้องห้าประเภทที่พบระหว่างการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอแบบถือกล้องด้วยมือ นอกจากนี้ สำหรับวิดีโอโดยเฉพาะ ยังมีโหมด Active IS ที่เพิ่มวิธีการป้องกันภาพสั่นไหวที่แม่นยำยิ่งขึ้นเพื่อให้ได้ฟุตเทจที่นุ่มนวลยิ่งขึ้นเมื่อส่งตรงจากกล้อง

แชสซีโลหะผสมแมกนีเซียมรับประกันความแข็งแกร่ง ความทนทาน และความมั่นคงในขณะที่ยังคงน้ำหนักเบา นอกจากนี้ เมาท์เลนส์ยังได้รับการปรับปรุงให้รองรับเลนส์ที่มีน้ำหนักมากขึ้น และความแข็งแกร่งของกริปได้รับการปรับปรุงเพื่อให้จับถือได้สบายมือยิ่งขึ้น
มีการซีลกันสภาพอากาศอย่างกว้างขวาง รวมถึงการซีลที่ปรับปรุงรอบฝาครอบแบตเตอรี่ ฝาครอบขั้วต่อ และข้อต่อแชสซี เพื่อป้องกันฝุ่นและความชื้นเพื่อการทำงานที่เชื่อถือได้ในสภาพอากาศที่เลวร้าย

พอร์ตและอินเทอร์เฟซ
พอร์ต HDMI A ขนาดเต็มให้การเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้มากขึ้นเมื่อทำงานกับเครื่องบันทึกภายนอก
เพิ่มพอร์ต USB 3.2 Gen 1 Type-C นอกเหนือจากพอร์ต micro-USB เพื่อรองรับการปล่อยสัญญาณที่รวดเร็วและเชื่อถือได้มากขึ้น การเชื่อมต่อ USB Type-C ทำให้สามารถชาร์จกล้องหรือใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานของโฮสต์ได้ในขณะที่เชื่อมต่อ
เทอร์มินัลซิงค์ PC สำหรับการซิงค์แฟลชแบบใช้สายกับแฟลชแพ็คหรือรีโมทวิทยุไร้สาย
พอร์ตหูฟัง 3.5 มม. และพอร์ตไมโครโฟนภายนอกช่วยให้ควบคุมการบันทึกเสียงได้ดียิ่งขึ้น
Multi Interface Shoe รองรับการทำงานกับไมโครโฟนช็อตกัน ECM-B1M ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมหรือชุดอะแดปเตอร์ XLR-K3M XLR ซึ่งให้การบันทึกเสียงที่ดีขึ้นและชัดเจนโดยการส่งสัญญาณเสียงดิจิทัลไปยังกล้อง ซึ่งตรงข้ามกับสัญญาณอะนาล็อก
พอร์ต Ethernet รองรับการเชื่อมต่อ LAN แบบมีสาย 1000BASE-T สำหรับการถ่ายโอนไฟล์ผ่าน FTP
การเชื่อมต่อ
Wi-Fi และ NFC ในตัวช่วยให้ a1 สามารถแชร์ภาพไปยังอุปกรณ์มือถือได้ทันทีเพื่อแชร์ออนไลน์โดยตรง และรองรับทั้งย่านความถี่ 2.4 และ 5 GHz ยังรองรับการถ่ายภาพแบบไร้สาย นอกจากนี้ ย่านความถี่ 5 GHz ยังรองรับ 2×2 MIMO เพื่อความเร็วในการสื่อสารที่รวดเร็ว และเสาอากาศคู่ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการเชื่อมต่อที่เชื่อถือได้
การเชื่อมต่อ Bluetooth ช่วยให้สามารถรับข้อมูลตำแหน่งได้

พอร์ตอีเธอร์เน็ตให้ความเร็วสูงสุด 1000BASE-T สำหรับการแชร์ LAN แบบใช้สายอย่างรวดเร็วและการทำงานระยะไกล
เมื่อทำงานผ่าน LAN แบบมีสาย ตอนนี้แอป Remote Camera Tool 2.1 ได้รับการปรับปรุงเพื่อลดเวลาหน่วงและความล่าช้าในการรับชมสด รวมทั้งรองรับการฟอร์แมตการ์ด SD ระยะไกล การสลับเซิร์ฟเวอร์ FTP และการเปลี่ยนแปลงไปยังปลายทางการจัดเก็บภาพนิ่ง การถ่ายโอน LAN แบบใช้สายหรือไร้สายสามารถเกิดขึ้นได้ในพื้นหลังในขณะที่ถ่ายภาพต่อไป
Imaging Edge Remote สำหรับเดสก์ท็อปรองรับการถ่ายภาพ PC Remote ผ่านการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB Type-C แบบใช้สาย การควบคุมการถ่ายโอนข้อมูลที่อัปเดตยังทำให้สามารถถ่ายโอนไฟล์จากการ์ด SD ผ่าน Wi-Fi โดยใช้แอพ Imaging Edge Mobile แม้ว่ากล้องจะปิดอยู่
แอพ Add-on การถ่ายโอนและการแท็กสามารถส่งพารามิเตอร์การตั้งค่า FTP จากอุปกรณ์มือถือของคุณไปยังกล้อง นำเสนอการอัปโหลดข้อมูลอัตโนมัติไปยังเซิร์ฟเวอร์ FTP พร้อมข้อมูลเมตาที่แนบมา และสามารถแปลงเสียงเป็นข้อความอัตโนมัติ
Pixel Shift มัลติชู้ตติ้ง
โหมดการจัดองค์ประกอบภาพที่ไม่เหมือนใครนี้ช่วยให้คุณได้รับความละเอียดที่มากกว่าเซ็นเซอร์ 50.1MP ทำงานร่วมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบเลื่อนเซ็นเซอร์ โหมดนี้จะเลื่อนเซ็นเซอร์ในขณะที่ทำการเปิดรับแสงต่อเนื่อง 16 ครั้ง เพื่อให้ได้ข้อมูลประมาณ 199MP เพื่อความแม่นยำของสีและรายละเอียดที่มากกว่าที่เป็นไปได้ด้วยการเปิดรับแสงครั้งเดียว จากนั้นสามารถรวมไฟล์เหล่านี้เข้าด้วยกันระหว่างขั้นตอนหลังการถ่ายทำได้โดยใช้ชุดซอฟต์แวร์ Sony Imaging