RICOH GR III Diary Edition

คำอธิบาย

กล้องดิจิตอล Ricoh GR III Diary Editionที่รอคอยมาอย่างยาวนานในซีรีส์ยอดนิยมของกล้องคอมแพคที่เร็วและเร็วสานต่อมรดกของการเป็นขุมพลังขนาดพกพา นำเสนอคุณภาพของภาพที่น่าประทับใจ การตอบสนองที่รวดเร็ว และการพกพาขนาดใหญ่ GR III มาพร้อมชุดฟีเจอร์การถ่ายภาพที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ประกอบด้วยเซ็นเซอร์ APS-C CMOS 24.2MP และ GR Engine 6 เพื่อให้ได้โทนสีที่นุ่มนวล สีสันที่หลากหลาย และความไวแสงสูงตั้งแต่ ISO 100-102400 พร้อมกับความสามารถในการสร้างความละเอียดสูง 14 บิต DNG ภาพนิ่งหรือวิดีโอ Full HD สิ่งที่ช่วยเสริมการออกแบบเซ็นเซอร์คือเลนส์ไพรม์ 18.3 มม. f/2.8 ซึ่งมีทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 35 มม. ที่ 28 มม. นอกจากนี้ เป็นครั้งแรกสำหรับ GR ระบบลดการสั่นไหวแบบ 3 แกนจะชดเชยผลกระทบจากการสั่นของกล้องเพื่อช่วยให้ถ่ายภาพโดยถือกล้องด้วยมือได้คมชัดยิ่งขึ้นเมื่อทำงานกับความเร็วชัตเตอร์ต่ำ

ทางกายภาพ GR III ดูกะทัดรัดอย่างที่คุ้นเคย แต่ได้รวมรูปแบบการควบคุมที่ออกแบบใหม่เพื่อให้จับถนัดมือและใหญ่ขึ้น ในขณะที่ยังคงเข้าถึงการควบคุมทางกายภาพได้ง่าย จอ LCD ขนาด 3.0″ 1.037m-dot ใช้สำหรับการจัดองค์ประกอบภาพ การเล่น และการนำทางเมนู และการออกแบบหน้าจอสัมผัสให้การควบคุมที่ง่ายดายพร้อมกับความสามารถ Touch AF นอกจากนี้ สามารถใช้ Bluetooth LE และ Wi-Fi ในตัวเพื่อจับคู่กับ อุปกรณ์พกพาสำหรับการถ่ายโอนไฟล์แบบไร้สายอย่างรวดเร็วไปยังสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตของคุณ

ไดอารี่ฉบับ

ตัวกล้องได้รับการออกแบบให้สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและคุณภาพของกล้องด้วยพื้นผิวโลหะที่มีพื้นผิว พื้นผิวที่มีพื้นผิวช่วยให้จับกระชับมือ การตกแต่งที่สวยงามยังทำให้กล้องดูเป็นมากกว่าเครื่องมือสร้างภาพ และสีโทนอุ่นช่วยให้กล้องเข้ากับชีวิตประจำวันได้ง่าย
โหมดควบคุมภาพฟิล์มเนกาทีฟจะปรับโทนสีตามฟิล์มเนกาทีฟ ช่วยให้ภาพถ่ายที่พิมพ์จากฟิล์มเนกาทีฟดูย้อนยุค
จอแสดงผลข้อมูลปิดเครื่องแสดงเวอร์ชันเฟิร์มแวร์ปัจจุบันและจำนวนช็อตทั้งหมดในหนึ่งวัน
การรวมสมาร์ทโฟนที่ได้รับการปรับปรุงด้วยฟังก์ชันปิดเครื่องจาก ImageSync พร้อมใช้งานแล้ว คุณสามารถตรวจสอบและถ่ายโอนภาพและปิดกล้องได้ในขณะที่กล้องอยู่ในกระเป๋าของคุณ
หน้าจอปิดต้นฉบับมีโลโก้ผลิตภัณฑ์ประเภทนูนดั้งเดิมบนพื้นหลังที่มีพื้นผิวคล้ายผ้าและสีที่เป็นสัญลักษณ์ของพื้นผิวตัวกล้อง

เซ็นเซอร์ CMOS APS-C 24.2MP และ GR Engine 6

การออกแบบที่อัปเดตนี้มีเซ็นเซอร์ CMOS APS-C 24.2MP ที่จับคู่กับ GR Engine 6 ใหม่เพื่อสร้างภาพนิ่ง DNG หรือ JPEG 14 บิตความละเอียดสูงพร้อมโทนเสียงที่น่าประทับใจ การแสดงสีที่เป็นธรรมชาติ และความไวแสงสูงตั้งแต่ ISO 100-102400 นอกจากภาพที่มีความละเอียดเต็มรูปแบบ ภาพมุมกว้าง และโหมดครอบตัดที่มีประโยชน์ 35 มม. ที่ 15MP และ 50 มม. ที่ 7MP แล้ว คุณยังสามารถจำลองลักษณะการทำงานด้วยทางยาวโฟกัสที่ยาวขึ้นได้

นอกจากการถ่ายภาพนิ่งแล้ว GR III ยังสามารถบันทึกวิดีโอ Full HD 1080 ที่อัตราเฟรม 60p, 30p และ 24p

เลนส์ไพรม์มุมกว้าง

เลนส์เดี่ยวคงที่ 18.3 มม. ให้เลนส์มุมกว้างที่สะดวกสบายเทียบเท่า 28 มม. ซึ่งเสริมด้วยรูรับแสงกว้างสุดที่สว่าง f/2.8 เพื่อให้เหมาะกับการทำงานในสภาพแสงที่หลากหลาย โครงสร้างออปติคอลประกอบด้วยชิ้นเลนส์หกชิ้นในสี่กลุ่ม รวมถึงชิ้นเลนส์ Aspherical สองชิ้นที่ช่วยลดความคลาดเคลื่อนและความบิดเบี้ยวของทรงกลมเพื่อปรับปรุงความคมชัดและการเรนเดอร์ที่แม่นยำ โหมดการโฟกัสสองโหมดยังเหมาะกับการทำงานกับวัตถุทั่วไปตั้งแต่ระยะ 3.9 นิ้วไปจนถึงระยะอินฟินิตี้ ในขณะที่การตั้งค่ามาโครเฉพาะจะได้รับประโยชน์จากการทำงานกับวัตถุระยะใกล้ภายในระยะ 2.4-4.7 นิ้ว ตัวกรองที่มีประสิทธิภาพสองสต็อปภายใน (ND 0.6) ยังสามารถใช้ได้กับทั้งการลดความเร็วชัตเตอร์หรืออนุญาตให้ใช้การตั้งค่ารูรับแสงที่กว้างขึ้น และเลนส์มีไดอะแฟรมเก้าใบที่ช่วยให้คุณภาพของโบเก้นุ่มนวล นอกจากนี้

ระบบลดการสั่นไหว

เป็นครั้งแรกในกล้อง GR ระบบลดการสั่นไหวแบบ 3 แกนช่วยลดการสั่นไหวของกล้อง เพื่อส่งเสริมการถ่ายภาพโดยถือกล้องที่คมชัดยิ่งขึ้นด้วยความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ระบบลดการสั่นไหวได้รับการปรับให้เหมาะกับเลนส์เทียบเท่า 28 มม. ในตัว ซึ่งทำให้มีขนาดเล็กลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยูนิต SR ยังมีความสามารถในการลดมัวร์เรและการกำจัดฝุ่น

การออกแบบตัวถัง

คุณลักษณะที่โดดเด่นของ GR-series คือขนาดที่กะทัดรัด พกพาสะดวก ในขณะที่ยังคงมีเซ็นเซอร์ภาพขนาดใหญ่และเลนส์เดี่ยวที่สว่างสดใส
จอ LCD ในตัว 3.0″ 1.037m-dot มีการออกแบบหน้าจอสัมผัสแบบ capacitive เพื่อการใช้งานที่คุ้นเคยและเป็นธรรมชาติระหว่างการถ่ายภาพ การเล่น และการนำทางเมนู
เลย์เอาต์ด้านหลังของกล้องได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดและให้ความสำคัญกับด้ามจับนิ้วหัวแม่มือที่ใหญ่ขึ้นและสะดวกสบายยิ่งขึ้นพร้อมกับแป้นหมุนที่เข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งโปรแกรมคันโยก ADJ ปุ่ม FN และ Touch AF เพื่อจัดการกับฟังก์ชันที่กำหนดได้เฉพาะเพื่อการควบคุมที่เป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น
เวลาเริ่มต้นลดลงเหลือ 0.8 วินาที และเพิ่มประสิทธิภาพของ Hybrid AF เพื่อการทำงานที่ราบรื่นยิ่งขึ้น
Bluetooth LE และ Wi-Fi ในตัวช่วยให้สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายระหว่างกล้องกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่จับคู่ไว้ได้ และช่วยให้คุณสามารถฝังข้อมูลตำแหน่งภายในไฟล์ของคุณ รวมทั้งถ่ายโอนไฟล์ไปยังอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้ แม้ว่ากล้องจะปิดอยู่ก็ตาม
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบรีชาร์จ DB-110 ที่ให้มาสามารถถ่ายภาพได้ประมาณ 200 ภาพต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
พอร์ต USB Type-C ช่วยให้คุณถ่ายโอนไฟล์หรือชาร์จแบตเตอรี่ในกล้องได้